สตีฟ บรูซกับสถิติอันยอดแย่สำหรับโค้ชพรีเมียร์ลีก

หากพูดถึงกองหลังในตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว ใครหลายคนคงมองย้อนไปถึงกองหลังในชุดที่ได้แชมป์เปี้ยนส์ลีกอย่างริโอ เฟอร์ดินานด์หรือยาป สตัมในชุด 1999 หรือยุคสามแชมป์อันยิ่งใหญ่ของปีศาจแดงนั่นเอง แต่ทว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านจากดิวิชั่น 1 สู่พรีเมียร์ลีกนั้น ปราการหลังตัวกลางที่ยิ่งใหญ่ของทีมรวมทั้งได้เป็นกัปตันทีมในช่วงที่ตำนานอย่างไบรอัน ร็อบสันมีอาการบาดเจ็บ นั่นคือสตีฟ บรูซกองหลังชาวอังกฤษที่เป็นกองหลังจอมถล่มประตูคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก จนกระทั่งเจ้าตัวเลิกเล่นก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมก็มักจะมีสถิติที่ไม่น่าจดจำเสมอ แม้เขาจะเคยคุมทีมต่าง ๆ ถึง 11 สโมสรด้วยกัน แต่กลับไม่เคยสัมผัสแชมป์รายการใหญ่เลย

การเป็นโค้ชในพรีเมียร์ลีก

ในช่วงเวลากว่า 20 ปีของอาชีพผู้จัดการทีมนั้น สตีฟ บรูซเคยคุมเบอร์มิงแฮมเป็นทีมแรกที่เขาและทีมสีน้ำเงินได้กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาทำได้เพียงคุมทีมเล็ก ๆ อย่างฮัดเดอร์สฟิลด์ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดและคริสตัล พาเลซที่อยู่ในลีกรองเท่านั้น แต่ทว่าการอยู่ในเบอร์มิงแฮมก็ไม่ได้ทำให้เขามีผลงานที่ดีมากนัก แม้เจ้าตัวจะเป็นคนทำให้ทีมเลื่อนชั้นได้แต่สุดท้ายเขาจะพาทีมเดอะบูลส์อยู่ในลีกสูงสุดได้เพียง 3 ปีเท่านั้นก่อนจะต้องตกชั้นกลับแชมป์เปี้ยนชิพไปในปี 2006 แม้ว่าบรูซจะรับผิดชอบมากพอจนทำให้ทีมเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ในปีเดียวก็ตาม

ในปี 2008 นั้นทางสตีฟ บรูซก็ได้ย้ายมาสู่สโมสรฟุตวีแกนแอทเลติก เนื่องจากเขามีประสบการณ์ที่ดีมากพอจะทำให้ทีมไม่ตกชั้น ซึ่งเขาก็ช่วยให้วีแกนรอดในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ก่อนที่ปีต่อมาเขาจะพายอดทีมจากภาคกลางไต่อันดับไปถึงที่ 11 ทีเดียวก่อนจะถูกซื้อตัวย้ายไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์ที่ต้องการหนีตกชั้นเช่นกัน ก่อนที่เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจากพาทีมอยู่ได้แค่ที่ 16 เท่านั้น จนกระทั่ง 8 ปีต่อมาที่บรูซได้มีโอกาสกลับมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เป็นทีมบ้านเกิดของตัวเองอย่างนิวคาสเซิ่ลนั่นเอง

สถิติการคุมทีมที่ไม่น่ามอง

แม้ว่าตลอดเวลา 20 ปีในอาชีพผู้จัดการทีมของเขาจะผ่านทีมต่าง ๆ มาอย่างมากมาย แต่รางวัลที่เขาเคยประสบความสำเร็จกลับเป็นแค่แชมป์เพลย์ออฟ 2 ครั้งเท่านั้น รวมถึงพาทีมฮัลล์ ซิตี้ไปแพ้ในรอบชิงชนะเลิศรายการเอฟเอคัพในปี 2014 ส่วนทางด้านสถิติการแพ้ชนะนั้น มีเพียงแค่ฮัลล์กับแอสตัน วิลล่าเท่านั้นที่เขาทำทีมชนะมากกว่าแพ้รวมถึงเป็นทีมที่เขาใช้เวลามากพอจะนับเป็นสถิติเพราะเจ้าตัวถือเป็นกุนซือที่มักจะอยู่กับแต่ละทีมไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นถูกปลดออกหรือขอย้ายทีมเองก็ตาม

แฟนบอลของสาลิกาดงมักจะคิดกันเสมอว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายของสตีฟ บรูซที่จะได้คุมทีมในพรีเมียร์ลีก ด้วยความสามารถที่หลายคนมองว่าตกรุ่น รวมทั้งทีมนิวคาสเซิ่ลเองที่มักจะเลือกใช้กุนซือราคาถูกพร้อมทั้งไม่มีปากเสียง จนทำให้บรูซกลายเป็นตัวเลือกแรกในการหาผู้จัดการทีมต่อจากราฟาเอล เบนิเตซ แล้วด้วยเลือดสาลิกาของบรูซจึงทำให้เขายังทำผลงานได้ในเกณฑ์ไม่แย่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวจอร์ดี้คงต้องลุ้นต่อไปในอนาคต